วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ปลาทองพันธ์หัวสิงห์



ปลาทองหัวสิงห์



ปลาทองหัวสิงห์เป็นปลาที่มีรูปร่างสวยงามโดยเฉพาะวุ้นที่หัวของมัน ปลาทองหัวสิงห์มีชื่อสามัญว่า
ปลาหัวสิงห์ ปลาสิงห์หน้ายักษ์ ปลาสิงห์ตาปิด ที่ได้ชื่อแบบนี้เพราะว่า ปลาหัวสิงห์บางตัวจะมีวุ้นที่ส่วนหัว
คล้ายกับยักษ์ หรือบางตัวก็จะมีวุ้นมากจนปิดตาของมันเอง ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์มีอยู่ว่า Shishigashira
ลักษณะทั่วไปของปลาหัวสิงห์มีดังนี้
1. ไม่มีครีบหลัง

2. ลำตัวกลม
3.สีบนตัวออกแดงอมส้ม
4. หลังโค้งตั้งแต่หัวจรดส่วนหาง
5. มีโหนกแก้มและวุ้นบริเวณส่วนหัว
6. ครีบหางตั้งขึ้นแต่ส่วนปลายควรงุ้มลง
7. มีครีบทวาร 2 ครีบ

เราสามารถสังเกตรูปร่างลักษณะเพื่อแยกว่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมียได้ดังนี้
จุดสังเกต
ตัวผู้
1.ครีบอก มีลักษณะขาวใสเรียงกันป็นระเบียบ
2.บริเวณท้อง ท้องแฟบ
3.ลำตัว ยาวเรียว
4.แก้ม สัมผัสแล้วสากมือ
5.ทวาร ดูสีแห้งออกคล้ำ
ตัวเมีย
1. ครีบอก ไม่มีจุด
2. บริเวณท้อง ใหญ่และนุ่ม
3.ลำตัว สั้นกลม
4. แก้ม ลื่นมือกว่าตัวผู้
5. ทวาร สีจะแดงเข้มเมื่อถึงฤดูวางไข่

ประเภทของปลาทองหัวสิงห์

ปลาทองหัวสิงห์จีน (Chinese Lionhead)

ปลาทองสิงห์จีนเป็นปลาทองหัวสิงห์ประเภทแรกที่จะพูดถึง เป็นสายพันธุ์ปลาทองที่ถูกพัฒนามานานกว่า 600 ปี โดยประเทศจีนเป็นประเภทแรกที่สามารถเพาะพันธุ์ปลาทองสายพันธุ์นี้ ชาวตะวันตกเรียกปลาทองสายพันธุ์นี้ว่า Lionhead ส่วนในประเทศไทยเรียกว่า ปลาทองหัวสิงห์จีน (Chinese Lionhead) ถ้าพิจารณาจากลักษณะรูปร่างจะเห็นได้ว่า ปลาทองสายพันธุ์นี้ จะมีลักษณะหัวที่มีวุ้นฟูขนาดใหญ่ โดยจะเป็นได้ทั้งเม็ดละเอียด หรือเม็ดใหญ่สม่ำเสมอกัน (ถ้าจะให้ดีควรเป็นเม็ดละเอียด) มองดูคล้ายหัวสิงโต ลำตัว รูปทรง สันหลังจะค่อนข้างตรง หรือโค้งราดลงเล็กน้อย ลำตัวหนาด้านซ้ายและขวาเสมอกัน และถ้ามองจากด้านบน จะมองเห็นสันหลังที่ตรง ครีบหางใหญ่ หางลดปลายเสมอแนวเดียวกับสันหลัง คือถ้าสังเกตุง่ายๆ ก็คือ หัวโต หางลู่ นั่นเอง สีมีได้ทุกสีทั้ง ส้ม แดง ห้าสี (ส้ม ดำ ขาว น้ำเงิน) เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดเฉลี่ยประมาณ 15 เซนติเมตร ( ~ 6 นิ้ว) แต่บางคนเคยพบเห็นตัวที่มีขนาดใหญ่ถึง 25 เซนติเมตร ( ~ 9.5 นิ้ว) โดยมีอาp6เฉลี่ยประมาณ 5-7 ปี แล้วแต่การเลี้ยงดู
ถ้าพิจารณาความแตกต่างระหว่างสิงห์จีน กับสิงห์ญี่ปุ่น ลักษณะโดยทั่วไปส่วนใหญ่นั้นจะคล้ายๆกัน แต่ลำตัวของสิงห์จีนนั้นค่อนข้างยาวไม่สั้นกลมอย่างสิงห์ญี่ปุ่น และส่วนหลังก็จะโค้งน้อยกว่าสิงห์ญี่ปุ่น หางใหญ่ยาวกว่า และมีลักษณะที่ลู่ไปด้านหลัง ส่วนวุ้นบนหัวจะมีมากกว่าสิงห์ญี่ปุ่น โดยขึ้นปกคลุมส่วนหัวทั้งหมด สีลำตัวและครีบ มักจะมีสีอ่อนกว่าสิงห์ญี่ปุ่น

ปลาทองสิงห์ดำตามิด (Black Lionhead, Siamese Lionhead)





ปลาทองสิงห์ดำตามิดเป็นปลาที่ถูกพัฒนา และคัดพันธุ์ได้ในประเทศไทย มีลักษณะเด่นตรงที่ความดำสนิทของสี ลักษณะของหัวมีทั้งแบบวุ้นเหมือนสิงห์จีน วุ้นฟู กับวุ้นหัวสิงห์ญี่ปุ่น หรือวุ้นแบบรันชู มีลักษณะวุ้นแน่นเหมือนมีเขี้ยวยื่นออกมา วุ้นจะขึ้นคลุมทุกๆ ส่วนบนหัวแม้กระทั่งส่วนของตาจะต้องปิดตาของปลาจนมิด ครีบหางสั้นมีทั้ง หางสาม หางสี่ ปลายหางเสมอแนวแนวกับสันหลังของปลา ทุกส่วนของลำตัวต้องดำสนิท ยิ่งดำยิ่งดี ครีบทุกครีบควรมีความเสมอกัน ไม่พับหรือบิดงอ ขอแนะนำในการเลือกซื้อปลาตอนอายุน้อย ต้องเลือกปลาที่มีใต้ท้องสีดำสนิทถึงจะแน่ใจได้ว่าตอนโตมาสีจะไม่ลอก


ปลาทองสิงห์ลูกโป่ง (Bubble Eye Goldfish)





ลักษณะเด่นของปลาชนิดนี้คือ บริเวณใต้ตาจะมีถุงโป่งออกมาลักษณะคล้ายลูกโป่งมีน้ำใสอยู่ด้านใน และถือกันว่าถุงลูกโป่งยิ่งมีขนาดใหญ่ยิ่งเป็น ลักษณะที่ดี โดยที่ถุงทั้งสองข้างจะต้องมีขนาดที่เท่ากัน ลำตัวยาว ด้านซ้ายขวาเสมอกัน หลังตรงหรือโค้งลาดเล็กน้อย ครีบหางยาว หางราด ปลายหางเสมอแนวเดียวหรือสูงกว่าสันหลัง สีเข้มสดใสมีทุกสี โดยสีที่พบมาก ได้แก่ สีแดง ส้ม หรือสีผสม ระหว่างสีแดงและสีขาว หรือส้มและขาว จัดเป็นปลาที่เลี้ยงยากและเพาะพันธุ์ได้ยาก ขนาดโตเต็มที่ยาวประมาณ 20-25 เซนติเมตร (~ 9 นิ้ว)

ปลาทองสิงห์ตากลับ




ปลาทองสิงห์ตากลับ เป็นปลาทองที่มีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศจีน ชาวจีนเรียกว่าโชเตนงัน (Chotengan) ซึ่งมีความหมายว่า ปลาตาดูฟ้าดูดาว หรือตามุ่งสวรรค์ ญี่ปุ่นเรียกปลาชนิดนี้ว่า เดเมรันชู (Deme- ranchu) ลักษณะเด่นคือ มีตาหงายกลับขึ้นข้างบน ผิดจากปลาทองชนิดอื่นๆ ตาใหญ่สดใสทั้งสองข้าง ส่วนหัวไม่มีวุ้นหรือมีเคลือบเล็กน้อย ไม่มีครีบหลัง ลำตัวยาว หลังตรง หรือโค้งลาดเล็กน้อย เกร็ดเป็นเงางาม เรียงเป็นระเบียบ ครีบหางยาว ปลายหางเสมอ แนวเดียวกับสันหลัง หรือสูงกว่า สีเข้มสดใส มีทุกสี ครีบต่างๆ เสมอกันทั้งซ้าย และขวา ไม่พับหรือบิดงอ



วิธีเลี้ยงปลาหัวสิงห์
ก่อนที่จะเลี้ยงอะไรก็ต้องมาศึกษาความเป็นอยู่ของมันก่อนเพราะว่าปลามีชีวิตไม่เหมือนกับทามาก๊อตที่ตาย ไปก็เริ่มเล่นใหม่ได้ ถ้าเลี้ยงไม่ดีมันก็จะตายเป็นบาปเปล่าๆ มาดูวิธีเลี้ยงกันเลยละกัน
การให้อาหาร
ต้องให้พอประมาณเวลาที่ให้ก็ควรเป็นเวลาสายประมาณ 9.00 น. อาหารที่ให้ปลาควรให้กินให้หมด ภายในเวลาประมาณ 10 นาที และไม่ควรให้อาหารพร่ำเพรื่อเพราะจะทำให้ปลาป่วยได้ อาหารที่เป็น
อาหารสำเร็จรูป ก่อนที่จะให้ปลาควรทำให้ชื้นก่อนโดยการแช่หรือพรมน้ำให้พอนิ่ม หากไม่ทำเช่นนี้
อาหารมีความแข็งจะทำให้ปลาเจ็บปาก คงเคยเห็นเวลาที่ปลากินอาหารที่ให้เข้าไปแล้วพ้นกลับออกมาบ้าง
อุณหภูมิ
อุณหภูมิที่ดีที่สุดในการเลี้ยงอยู่ที่ไม่เกิน 28 องศาเซลเซียส จะทำให้ปลามีการเจริญเติบโตได้ดีกว่า
อุณหภูมิช่วงอื่นๆ เพราะปลาจะกินอาหารได้มาก
อากาศ
อากาศเป็นปัจจัยที่สำคัญอีกปัจจัยอีกอย่างหนึ่งในการเลี้ยงปลาทุกชนิดรวมทั้งปลาหัวสิงห์ด้วย
ควรจะมีเครื่องเพิ่มอากาศซึ่งหาซื้อได้ทั่วๆไป และไม่ควรปลูกไม้น้ำเยอะจนเกินไปเพราะไม้น้ำนั้นจะแย่ง
อากาศกับปลาที่เลี้ยงไว้ ถึงแม้ว่าไม้น้ำจะมีประโยชน์บ้างก็ตาม
น้ำ
เมื่อปลาอยู่ในน้ำดังนั้นน้ำที่เลี้ยงปลาก็ต้องเป็นน้ำที่สะอาดไม่มีเชื้อโรค น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำประปา
เพราะได้ผ่านการฆ่าเชื้อโรคต่างๆมาแล้ว แต่การเตรียมนั้นต้องรองน้ำทิ้งไว้ 2 - 3 วันหรือมากกว่า
เพื่อให้คลอรีนที่อยู่ในน้ำจางลง ไม่ควรใช้น้ำที่ลองจากก๊อกโดยตรงเพราะคลอรีนจะทำอันตรายต่อปลาได้

















ที่มา : WWW.GOOGLE.COM

ไม่มีความคิดเห็น: